การใช้ชีวิตประจำวันของเราเกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ไม่ว่าจะไปซื้อของที่ตลาดหรือห้างสรรพสินค้า ถ้าเป็นผู้ซื้อก็จะสอบถามเกี่ยวกับราคาสินค้ารวมถึงรายละเอียดของสินค้าด้วย สำหรับทางด้านผู้ขายก็ต้องสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าว่าสนใจสินค้าอะไร ลักษณะแบบไหนด้วยเช่นกันถ้าหากเราเป็นผู้ขายสินค้าแล้วมีคนต่างชาติเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน เราจะพูดกับเขาเหล่านั้นให้เข้าใจได้อย่างไร วันนี้มาดูตัวอย่างบทสนทนาซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีพูดคุยเมื่อคุณอยู่ในร้านค้าค่ะ
ก่อนอื่นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน ผู้ขายของหรือพ่อค้าแม่ค้าก็ต้องกล่าวทักทายหรือการให้การต้อนรับเข้าสู่ร้านค้าเพื่อเป็นการสร้างมิตรภาพและทำให้ลูกค้าไม่เขินอายด้วยประโยคทักทายง่ายๆคือ
Hello.
สวัสดี
Good morning.
สวัสดี (ตอนเช้า)
Good afternoon.
สวัสดี (ตอนบ่าย)
Good evening.
สวัสดีค่ะ (ตอนเย็น)
Welcome to Anna's shop.
ยินดีต้อนรับสู่ร้านแอนนาค่ะ
จากนั้นผู้ขายได้สอบถามความต้องการของลูกค้าว่า "ต้องการสินค้าอะไร" "มีอะไรให้ช่วยหรือไม่"โดยที่ลูกค้าก็จะตอบสิ่งที่เขาต้องการหรือกำลังมองหาอยู่
May I help you?
ให้ฉันช่วยไหมคะ?
I am just looking.
ฉันแค่มาเดินดูสินค้า
What can I do for you?
มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?
I want to have a look first.
ฉันขอเดินดูสินค้าก่อน
Can I help you find something?
ให้ดิฉันช่วยคุณหาไหม?
Could you help me please?
คุณช่วยหน่อยได้ไหมครับ?
What would you like?
คุณต้องการซื้ออะไร?
I would like to buy a hat.
ฉันต้องการซื้อหมวก
What are you looking for?
คุณกำลังมองหาอะไร?
I am looking for a white shirt.
ฉันกำลังมองหาเสื้อเชิ้ตสีขาว
What kind do you want?
คุณต้องการประเภทไหน?
I would like to buy a cake.
ฉันต้องการซื้อเค้ก?
This way, please
เชิญทางนี้
Do you have any t-shirts?
คุณมีเสื้อยืดขายไหม?
Sorry, we dont have any.
ขอโทษ เราไม่มี
นอกจากนี้ยังมีประโยคอื่นๆที่ผู้ขายสอบถามต้องการเพิ่มเติมของลูกค้าเช่น ขนาดสินค้า สี ประเภท
What is your size?
คุณสวมเสื้อไซส์อะไร?
What size do you wear?
What colour do you prefer?
คุณชอบสีอะไร?
Would you like to try it on?
คุณอยากลองสวมหรือเปล่า?
What would you like to have?
คุณต้องการจะซื้ออะไร?
I recommend this one.
ฉันขอแนะนำชิ้นนี้
Do you like this one.
คุณชอบชิ้นนี้ไหม?
เมื่อเจอสินค้าที่เราสนใจแล้วแต่ไม่ทราบว่าจะใส่ได้หรือไม่ จึงต้องการขอลองสามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ค่ะ
Can I try this skirt on?
ขอลองใส่กระโปรงได้ไหม?
You can try it.
คุณลองใส่ได้
Can I taste this?
ขอลองชิมได้ไหม?
You can taste it.
คุณลองชิมได้
Can I taste this cake?
ของลองชิมเค้กได้ไหม?
Sorry, but please don’t touch it.
ขอโทษ กรุณาอย่าจับ
การถามราคาสินค้า
How much is it?
ราคาเท่าไหร่?
It’s 200 baht.
200 บาท
That’s too expensive.
แพงไปหน่อย
I can give you a discount.
ฉันลดราคาให้คุณได้
กรณีที่ซื้อสินค้าไปแล้วสินค้านั้นชำรุดหรือใส่ไม่ได้ ต้องการนำไปเปลี่ยนจะพูดว่า
Can I change it?
ฉันขอเปลี่ยนสินค้าได้ไหม?
Sorry. We dont have the size.
ขอโทษ เราไม่มีไซส์นี้
Can I change them?
Sorry. We cant do that for you.
ขอโทษ เปลี่ยนไม่ได้
กรณีที่ลูกค้าเข้ามาซื้อของที่ร้านแล้วสินค้าที่เขาจะซื้อมีราคาแพงจนเกินไปลูกค้าจะใช้ประโยคในการต่อรองสินค้าว่า
Can I get a discount?
ขอส่วนลดได้ไหม?
It’s on sale for only 150 baht.
สินค้านี้กำลังลดราคา เหลือแค่ 150 บาทเท่านั้น
Could you lower the price a little bit?
ช่วยลดราคาอีกหน่อยได้ไหม?
Make it a ten percent discount.
ลดให้ได้ 10 เปอร์เซ็นต์
การชำระเงิน
Would you like to pay by cash or credit card?
คุณต้องการจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต?
We accept credit cards and cash.
เรารับบัตรเครดิตและเงินสด
Cash only, please.
กรุณาชำระด้วยเงินสดเท่านั้น
The total amount is 200 baht.
ทั้งหมดรวมเป็นเงิน 200 บาท
Could I have a receipt?
ขอใบเสร็จได้ไหม?
Here is your receipt.
นี่ใบเสร็จรับเงิน
Here is your change.
นี่เงินทอน
เมื่อลูกค้าได้สินค้าตามต้องการแล้วคนขายจะถามว่า "ต้องการอะไรเพิ่มไหม" โดยพูดว่า
Anything else?
ต้องการรับอะไรเพิ่มอีกไหม?
Would you like anything else?
Do you want anything else?
เมื่อลูกค้าได้ของตามต้องการแล้ว คนขายก็ได้แสดงการขอบคุณลูกค้าก่อนที่จะออกจากร้าน โดยพูดว่า
Thank you very much.
ขอบคุณมาก
Please come again.
กรุณาแวะมาอีก
Hope I see you again.
หวังว่าจะได้พบคุณอีกครั้ง
ได้ดูตัวอย่างของประโยคเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้ากันแล้ว เรามาฝึกพูดสื่อสารกันจริงๆได้เลยค่ะ
ท่าสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้ทุกเวลา